ตัดสินแล้ว ประหารชีวิต “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรรมต่อเนื่อง
(2 เม.ย.2564) เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2564 ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาในคดีของนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 ปลายปี 2562 ทั้งที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือน
ในคดีนี้ศาลพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) มาตรา 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี
สำหรับความผิดฐานซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออำพรางคดี เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพฯ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน สำหรับฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนในครั้งแรก เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปราณี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียวริบของกลาง.